ย้อนกลับ

สวัสดีจากบาหลีครับผม ^^”

แทบจะทุกคน เมื่อเดินทางมาดำน้ำที่บาหลีไม่ว่าจะซื้อทริปกับร้านดำน้ำ กับคุณครูที่น่ารักของท่าน แม้แต่รวมแก๊งค์เพื่อนๆหรือจะสายเปลี่ยวเที่ยวเอง จุดดำน้ำยอดฮิตของโซนตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบาหลี คงหนีไม่พ้น อาเมดและตูลำเบน ซึ่งนอกจากจุดมาโครต่างๆของสายตัวเล็กแล้ว ก็จะมีไดฟ์ไซต์เรือจมสุดป๊อปที่พลาดไม่ได้คือการไปตูลำเบนแล้ว shore dive ที่ U.S.A.T. Liberty Wreck นั่นเอง ไฮไลต์นี่เยอะมากเหมือนกัน ดำน้ำต่างเวลากันก็จะได้อารมณ์ที่แตกต่างกันเลยทีเดียว… อ่ะเรามาเริ่มจาก
ประวัติของเรือลำนี้กัน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับจุดดำน้ำนี้กัน

U.S.A.T. Liberty Wreck

สงครามโลกครั้งที่ 1
เรือบรรทุกสินค้า S.S.Liberty (ชื่อเดิม) ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1918 โดย Federal Shipbuilding Company ใน Kearny, New Jersey และได้มาประจำการกองทัพเรือสหรัฐฯในวันที่ 7 ตุลาคม 1918 และในวันเดียวกันนี้เอง ผู้บัญชาการทหารเรือ Charles Longbottom ได้รับการแต่งตั้งให้บังคับบัญชา เรือ U.S.S. Liberty (United States Ship) ID-3461

โดยได้รับมอบหมายให้ปฎิบัติภารกิจการขนส่งทางทะเล , Liberty ออกจากนิวยอร์ก วันที่ 24 ตุลาคม 1918 เพื่อร่วมกองเรือขนสินค้าไป บอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศษ แต่ก็ยังไม่ทันไรต้องวกกลับมาซ่อมที่นิวยอร์ก ก่อนที่จะออกเดินทางถึงเบรสต์ ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 พร้อมสินค้ายุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐและม้าจำนวนหนึ่ง เพื่อไปส่งที่ แซ็ง-นาแซร์ เมื่อเสร็จภารกิจจึงเดินทางกลับนิวยอร์กในเดือนธันวาคม

มกราคม ปี 1919 เรือ U.S.S. Liberty ได้รับภารกิจทำการบรรทุกเสบียงอาหาร สินค้าและยุทโธปกรณ์ ไปส่งที่ เลออาฟร์ ฝรั่งเศส การเดินเรือรอบที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน ในปี 1919 ซึ่งได้รับมอบหมายในการขนชิ้นส่วนและรางรถไฟกลับสหรัฐ โดยบรรทุกยุทโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐเป็นจำนวน 436 ตัน ชิ้นส่วนและรางรถไฟจำนวน 2,072 ตัน

เรือ Liberty กลับมาถึง Newport News, Virginia เมื่อวันที่ 30 เมษายน 1919 เป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายในการรับใช้กองทัพสหรัฐ เรือ Liberty ได้ถูกปลดประจำการลงที่นั่นในวันที่ 7 พฤษภาคม ก่อนจะกลับมาปฎิบัติงานที่ United States Shipping Board ในวันเดียวกัน

ช่วงระหว่างสงครามโลก
ได้มีการบันทึกอุบัติเหตุทางเรือที่เกี่ยวข้อง 2 ครั้ง
ในวันที่ 20 ตุลาคม 1929 ,Liberty ได้ชนกับเรือลากจูง Dogue sank ของฝรั่งเศส ที่ Le Havre , Seine Maritime ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีผลทำให้ลูกเรือ ของ Dogue sank เสียชีวิต 2คน
ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 1933 , Liberty ได้ชนกับเรือ Ohioan เรือบรรทุกสินค้าอเมริกัน ที่ Ambrose Channel ยังผลให้เรือ Ohioan เกยตื้นใกล้กับ West Bank Light

ในปี 1939 ถึงแม้ เรือ Liberty มี United States Maritime Commission เป็นเจ้าของ แต่ถูกบัญชาการโดย Southgate-Nelson Corporation of Norfolk Virginia ซึ่ง Southgate-Nelson ใช้ในการขนส่งเส้นทาง American Hampton Roads, เส้นทาง the Yankee และเส้นทาง the Oriole แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่ระบุเส้นทางในการเดินเรือ Liberty

สงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ในเดือน พฤศจิกายน ปี 1940 เรือ Liberty คือ 1 ใน 10 ของเรือทั้งหมดที่มีชื่อเสียงในรับการบรรจุกลับเข้ามารับใช้กองทัพสหรัฐ เพื่อเตรียมพร้อมในการปกป้องประเทศ
เดือนพฤษภาคม 1941 กองทัพบกและกองทัพเรือสหรัฐได้เห็นพ้องกัน ในการเทคโอเวอร์เรือ Liberty เพื่อเสริมกำลังให้กองทัพเข้มแข็งขึ้น แต่การใช้งานต่างออกไปจึงได้ใช้ชื่อ U.S.A.T. Liberty (United States Army Transport)

ต่อมาเมื่อญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ในเช้าวันที่ 7 ธันวาคม 1941 ทำให้สหรัฐประกาศเข้าร่วมสงครามนี้อย่างเปิดเผย ,U.S.A.T. Liberty ขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่ ในมหาสมุทรแปซิฟิก รับหน้าที่ขนส่ง ชิ้นส่วนรถไฟ รางรถไฟและยาง เส้นทางระหว่าง ออสเตรเลีย และ ฟิลิปปินส์

11 มกราคม 1942 U.S.A.T. Liberty ถูกโจมตีด้วยตอปิโด จากเรือดำน้ำญี่ปุ่น I-166 ใกล้พิกัด 08°54′S 115°28′E 10ไมล์ทะเล ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของช่องแคบ Lombok ,Liberty ได้รับการช่วยเหลือกู้ภัย โดยเรือพิฆาตสหรัฐ Paul Jones และ เรือพิฆาตสัญชาติดัตช์ Van Ghent โดยแผนคือการลากจูงเรือ Liberty ที่ได้รับความเสียหาย ไปยังท่าเรือ Celukan bawang ที่ Singaraja ซึ่งเป็นท่าเรือดัตช์และเป็นศุนย์อำนวยการ Laser Sunda Islands (หมู่เกาะซุนดาน้อย) ซึ่งอยู่ที่ชายฝั่งทิศเหนือของเกาะบาหลี

อย่างไรก็ตามความเสียหายที่ เกิดจากการถูกโจมตีทำให้น้ำเข้ามาในเรือมากจนเกินไป ทำให้เรือเกยตื้นในทางทิศตะวันออกของชายฝั่ง Tulamben ของบาหลี ซึ่งได้ทำการกู้สินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ กันที่นี่นั่นเอง แต่แล้วในวันที่ 14 มกราคมเรือก็ได้ล่มลง

ในการปฎิบัติการของเรือดำน้ำญี่ปุ่น I-166 ในครั้งนั้น เนื่องจากสังเกตุเห็นการขนส่งสินค้าในเส้นทางทางตะวันออกเฉียงใต้และทะเลอินโด จึงได้ทำการโจมตีโดยการใช้ทอปิโด
แต่แล้วในวันที 17 กรกฎาคม ปี 1944 เรือดำน้ำญี่ปุ่น I-166 ได้ถูกทอปิโดโจมตีโดยเรือดำน้ำอังกฤษ HMS Telemachus (P321)


ต่อมาในปี 1963 แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Mount Agung ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินส่งผลให้เรือเคลื่อนกลับลงไปในทะเลห่างจากฝั่งไปประมาณ 30 เมตรและเกยตื้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะบาหลี ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งดำน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ของบาหลี

U.S.A.T. Liberty มักถูกระบุชื่อผิดเสมอ เพราะอาจจะเกิดจากความสับสนเพราะเรือที่สร้างช่วงสงครามโลกนั้น จะมีการออกแบบสร้างเรือตามมาตรฐานรูปทรงที่เหมือนกันเป็นจำนวนมาก

S.S. Liberty ( American Freighter ,1918)
U.S.S. Liberty (ID#3461) , 1918-1919
U.S.A.T. Liberty

General Characteristics

Design Type-1037
Displacement 13120 tons
Length 411 ft 6 in (125.43m)
Beam 55 ft (17m)
Draft 26ft 6 in (8.08m)
Engine XXX
Speed 11 knots (20km/h)
Complement 70
Armament 1×6” gun , 1×3” gun

Statistics

Builder Federal Shipbuilding,Kearny,New Jersey
Tard Number 1
Launched 19 june 1918
Fate Torpedoed 11 January 1942 and Beached

ดำน้ำที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?

– นักดำน้ำทุกระดับสามารถทำกิจกรรมดำน้ำได้ ฟรีไดฟ์ก็สนุก ความลึกไล่ไปตั้งแต่หน้าแข้งชายหาดจนถึง จุดลึกสุดของเรือคือส่วน Bow ประมาณ 30เมตร ไดฟ์ไซต์ประกอบไปด้วยหินที่ชายหาดและทรายดำจากภูเขาไฟเป็นหลัก ซึ่งง่ายต่อการหาของเล็กๆ แต่ที่ต้องระวังคืออุปกรณ์ที่มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทรายที่นี่ชอบมาก ติดหนึบเลย

– อุณหภูมิน้ำ คำถามที่โดนถามบ่อยเหมือนกัน อุณหภูมิของน้ำที่นี่ใกล้เคียงกับบ้านเรา 25-30 องศา อาจจะมีน้ำเย็นแอบให้ขนลุกบ้างเป็นบางระยะ แต่ก็ทำให้รู้สึกสบายตัวมากกว่าการไปดำน้ำโซนตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่ามาก แต่ใช่ว่าจะอุ่นเสมอไปในบางวัน น้ำเย็นมาแบบ 17-20 องศาเลยก็มี ซึ่งช่วงไฮซีซั่น บางครั้ง ปลาโมลาโมล่า ก็สามารถพบเจอได้ที่นี่เลยทีเดียว

– น้ำใสไหม? ใสซิ แต่ก็มีขุ่นบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะใสนะ 555+ น้ำแรงไหม ขึ้นอยู่กับเราเลือกวันไปดำน้ำ ที่นี่ก็กะเอาตอน 7-10 ค่ำเหมือนๆอันดามันบ้านเรา (ครูสอนแล้วจำได้ไหมเอ่ย) เลือกวันดีก็ลดความเสี่ยงที่เราจะหอบใต้น้ำ แต่ก็ไม่เสมอไปในบางวัน แต่นั่นแหล่ะก็ต้องดูชั่วโมงระหว่างวันอีกที แต่…!!! นั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่การ ลงน้ำและขึ้นจากน้ำ นั่นเอง เนื่องด้วยหาดที่จุดดำน้ำนี้ เป็นหินกลมก้อนใหญ่พอเราเหยียบลงไปจะจมหินบวกกับน้ำหนักของอุปกรณ์ที่เราแบกอาจทำให้เราลื่นล้มลงไปได้ ยังไม่หมด…คลื่นที่พัดเข้าฝั่งมาถ้าวันไหนเบาก็โชคดีไปลงง่ายหน่อย แต่ถ้าวันไหนคลื่นแรง ตอนลงไม่อ่านจังหวะคลื่นนี่ อาจจะล้มลงและลุกไม่ขึ้นเลย กลิ้งกลุกๆอยู่หน้าหาดนั่นเอง ยิ่งสายถ่ายรูปก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการลงน้ำและขึ้นจากน้ำ นั่นแหล่ะ จึงเป็นที่มาของการเรียกการดำน้ำที่แถบนี้ว่า ตูลำเค็ญ แทน ตูลำเบน

– มีไรมั่งอ่ะไฮไลค์ เรือจมไง..!!! เนื่องจากเรือลำนี้มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และทั้งยังมีขนาดที่ใหญพอสมควร ทำให้เราสามารถดำเก็บรายละเอียดได้ถึง 2-3 ไดฟ์แบบไม่เบื่อ ปะการังและสัตว์ทะเลต่างๆ ซึ่งก็มีอย่างหลากหลาย คอยแวะเวียนมาที่จุดดำน้ำนี้ ( ชอบมากคือ หอยไฟฟ้า ( Electric Disco Clam ) แต่พลาดไม่ได้เลยกับการทำ ไดฟ์เช้ามืดซัก 6 โมงเช้าของที่นี่ หรือจะไนท์ไดฟ์ ก็ได้ ฝูงปลานกแก้วหัวโหนกจะเข้ามาที่นี่เมื่อแสงแห่งวันหมดลง ถึงซัก 7-8 โมงเช้า ก็เริ่มทยอยออกไป แต่ก็มีบางตัวเข้ามาแบบมึนๆ ช่วงสายๆบ่ายๆได้เช่นกัน แต่เช้าจะเป็นกลุ่มใหญ่สุด แม้ตัวจะไม่ใหญ่เท่าที่อื่นมากนัก แต่ก็ทำให้เรายิ้มกว้างออกมาได้เช่นกัน

เป็นอย่างไรบ้างครับ คงได้ความรู้กันไปบ้าง ไม่มากก็น้อย ยังไงถ้ามีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดประการใด ช่วยแจ้งให้ผมแก้ไขด้วยนะครับ จะขอบพระคุณมากๆเลย

ครูแมค Sirasate Wimonsitichai : 25 March 2020